รำลึก 140 ปี ชาตกาล หลวงปู่นาค โสภโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ
รำลึก 140 ปี ชาตกาล หลวงปู่นาค โสภโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ
วันพฤหัสบดีที่ 1 ส.ค.2567 น้อมรำลึกครบรอบ 140 ปี ชาตกาล พระเทพสิทธินายก หรือ หลวงปู่นาค โสภโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ พระเกจิชื่อดังรูปหนึ่งที่ชาวเมืองกรุงให้ความเลื่อมใสศรัทธาและรู้จักชื่อเสียงของท่านเป็นอย่างดี
จัดสร้างพระเครื่องวัตถุมงคลมากมาย อาทิ พระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จและเหรียญวัตถุมงคล
มีนามเดิมว่า นาค มะเริงสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2427 ที่บ้านปราสาท ต.เมืองปราสาท อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา บิดา-มารดาชื่อ นายป้อมและนางสงวน มะเริงสิทธิ์
ด้วยต้องหาความรู้ใส่ตัวเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลแต่ยังไม่มีโรงเรียนเกิดขึ้น มีแต่วัดวาอารามเท่านั้น พ่อแม่จึงส่งมาฝากไว้กับพระครูสังฆวิจารย์ (มี) ซึ่งเป็นลุงที่วัดบึง ใกล้ประตูชุมพล
อายุ 13 ปี บรรพชาเมื่อปี พ.ศ.2440 ที่วัดบึง ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา โดยมี พระครูสังฆวิจารย์ (มี) เป็นพระอุปัชฌาย์
อาศัยที่เป็นคนฉลาดเล่าเรียนเก่ง พระอาจารย์ที่เป็นครูสั่งสอนภาษาบาลีและภาษาไทย จึงแนะแนวทางให้เดินทางเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพฯ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองต่อไป
เดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยกองคาราวานวัว มีผู้ร่วมเดินทางประมาณ 30 คน เดินทางจากโคราชรอนแรมมาเป็นเวลาแรมเดือนจนถึงกรุงเทพฯ โดยพระน้าชายนำฝากไว้กับพระอาจารย์เลื่อม พระลูกวัดระฆังโฆสิตาราม ซึ่งกุฏิอยู่หน้าวัดใกล้ปากคลอง (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงเรียนสตรีวัดระฆัง)
พระธรรมไตรโลกาจารย์ ซึ่งต่อมาได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร) เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัด รับสามเณรนาคไว้ในอุปการะ
เล่าเรียนภาษาบาลีมีความรู้ถึงขั้นเข้าแปลบาลีเปรียญธรรม 3 ประโยคเป็นครั้งแรกต่อหน้าพระที่นั่ง โดยมีพระเถระทรงสมณศักดิ์หลายรูปเป็นกรรมการฝ่ายสงฆ์ ผลปรากฏว่าสามเณรนาคสอบแปลด้วยปากได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ได้รับพระราชทานไทยธรรมเครื่องอัฏฐบริขารจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
พ.ศ.2448 มิได้หยุดยั้งความตั้งใจ พยายามศึกษาเล่าเรียนต่อ ปรากฏว่าสอบไล่ได้เปรียญธรรม 4 ประโยค โดยการแปลด้วยปาก ซึ่งเป็นการยากสำหรับยุคนั้น
อายุ 21 ปีเข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดระฆังโฆสิตาราม โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) วัดอรุณราชวราราม เป็นพระอุปัชฌาย์, สมเด็จพระวันรัต (ฑิต) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระธรรมโกศาจารย์ (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ) เป็นผู้บอกอนุศาสน์ พระอุปัชฌาย์ให้นามฉายาว่า “โสภโณ”
พ.ศ.2449 พระมหานาคเข้าสอบแปลเปรียญธรรม 5 ประโยค แต่ไม่ได้เข้าสอบเปรียญธรรมต่อถึงประโยค 6 เหตุที่มีภารกิจเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดถวายงานวัดให้สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าอาวาส
ในระหว่างที่ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมบาลีหาเวลาไปศึกษาทางวิปัสสนากัมมัฏฐานเพิ่มเติมกับพระอาจารย์ที่วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) และวัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ลงมือปฏิบัติจิตตภาวนาอย่างเคร่งครัด โดยเพียรพยายามศึกษาและฝึกปฏิบัติอยู่นานถึง 10 ปี สามารถทำมูลกัมมัฏฐานเป็นฌานวิปัสสนา
พ.ศ.2484 สร้างวัตถุมงคลพระสมเด็จขึ้นมาโดยอาศัยตำราของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ระหว่างนั้นเป็นเวลาที่บ้านเมืองเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ท่านจึงได้แจกจ่ายพระสมเด็จดังกล่าวให้ทหารติดตัวไปในสมรภูมิเพื่อเป็นการบำรุงขวัญและกำลังใจแก่ทหารอีกส่วนหนึ่งด้วย พระสมเด็จที่หลวงปู่นาคจัดสร้างขึ้นครั้งนั้นและที่สร้างขึ้นในรุ่นต่อมาปรากฏว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ปรากฏเกียรติคุณในวงการพระเครื่องตลอดจนถึงทุกวันนี้
ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2467 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม พ.ศ.2468 เป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2464 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระธรรมกิติ วันที่ 6 พ.ย.2474 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชโมลี
วันที่ 5 ธ.ค.2500 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพสิทธินายก
มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชราที่โรงพยาบาลศิริราช ธนบุรี เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ม.ค.2514 เวลา 04.45 น. สิริรวมอายุ 87 ปี พรรษา 66
ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสครองวัดระฆังโฆสิตารามอยู่ 47 ปี
——-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น