รำลึก 41 ปี มรณกาล “หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร
รำลึก 41 ปี มรณกาล “หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร
วันศุกร์ที่ 2 ส.ค.2567 น้อมรำลึกครบรอบ 41 ปี มรณกาล “หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร พระเกจิชื่อดังที่มีความเชี่ยวชาญการเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฏฐาน สงบ สันโดษ มักน้อย พูดน้อย สำรวมระวังกาย วาจา ใจ และฉันอาหารเพียงวันละมื้อเดียว
วัตถุมงคลได้รับความนิยม ทั้งที่จัดสร้างเองและอนุญาตให้ลูกศิษย์จัดสร้าง ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง, เหรียญรูปเหมือน, เครื่องราง, ลูกอม, ยาฉุน ฯลฯ
เป็นชาวชุมพรโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันอังคารที่ 30 เม.ย.2433 ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล ที่ ต.วิสัยเหนือ อ.สวี จ.ชุมพร ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา
ตั้งแต่วัยเด็ก มีความใฝ่ใจศึกษาหาความรู้ต่างๆ จนอายุ 18 ปี บวชเป็นสามเณรที่วัดสวี ศึกษาด้านพระปริยัติธรรม และอักษรขอม
กระทั่งอายุครบบวช เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดวิสัยเหนือ มีหลวงพ่อชื่น วัดแหลมปอ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา “จันทสโร”
อยู่จำพรรษาที่วัดวิสัยเหนือระยะหนึ่ง จึงเดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดควน ต.วิสัยเหนือ เพื่อศึกษาทางด้านกัมมัฏฐานและวิทยาคม จากนั้นเริ่มออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อฝึกวิปัสสนาและแสวงหาพระอาจารย์ผู้แก่กล้าศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติม
เมื่อมาถึงจังหวัดภูเก็ต ได้พบพระอาจารย์รอด วัดโต๊ะแซ หรือ ตอแซ พระเกจิชื่อดังในยุคนั้น จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิทยาคมต่างๆ อยู่ 2 พรรษา จากนั้นกราบลาพระอาจารย์ออกธุดงค์ต่อ
พ.ศ.2462 ในพื้นที่ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร วันหนึ่ง มี 2 แม่ลูกออกหาของป่าละแวกวัดร้าง มีนกแก้วบินนำหน้า 2 แม่ลูก ไปจนถึงบริเวณที่หลวงปู่สงฆ์ปักกลด
สองแม่ลูกเข้าไปกราบหลวงปู่สงฆ์ ด้วยความเลื่อมใส จึงนิมนต์กลับไปจำพรรษาที่วัดร้างใกล้หมู่บ้าน ซึ่งมีแต่ซากสิ่งก่อสร้างเก่าทรุดโทรม แม้แต่อุโบสถก็เหลือเพียงเสาสี่ต้น มีต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นรกรุงรัง
หลังจากรับนิมนต์ ได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านมาหักร้างถางต้นไม้ ช่วยกันบูรณะเสนาสนะต่างๆ ขึ้นมาใหม่ พัฒนาจนเป็นวัดที่มั่นคงแข็งแรงและเจริญรุ่งเรืองมาถึงทุกวันนี้
วัดร้างแห่งนั้น ปัจจุบันคือ “วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย” ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร นั่นเอง
เล่ากันว่าครั้งหนึ่งเคยมีกวางตัวหนึ่งหลงเข้ามาในวัด ก็ให้ผลไม้และอาหารกิน และผูกเศษจีวรสีเหลืองไว้ที่คอกวาง เจ้ากวางอยู่ที่วัดได้ปีหนึ่งก็กลับเข้าป่าไป บางทีก็กลับมาหาหลวงปู่ที่วัด และอยู่สองสามวันก็กลับเข้าป่าไปอีก โดยในช่วงที่เจ้ากวางอาศัยอยู่ในป่านั้น สามารถรอดพ้นจากการไล่ล่าได้ทุกครั้ง
แม้กระทั่ง เต่าที่อยู่แถวป่าไผ่ใกล้วัดที่มีบ่อและสระน้ำ เป็นเต่าตัวโตๆ บางครั้งเดินมาหาหลวงปู่ที่กุฏิ อยู่ที่เชิงบันไดหลายสิบตัว พอวันพระที่สำคัญๆ พวกเต่าจะพากันมาอยู่ที่หน้าหอสวดมนต์จนพระทำวัตรเสร็จ เมื่อได้พบหลวงปู่แล้ว ก็จะกลับเข้าไปอยู่ในป่าไผ่ดังเดิม
นอกจากนี้ ยังเป็นที่ร่ำลือกันว่า ท่านมีวาจาสิทธิ์ยิ่งนัก
สำหรับวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองชุมพรมาตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ได้รกร้างมาเป็นเวลาเนิ่นนาน จนเมื่อหลวงปู่สงฆ์ รับนิมนต์มาจำพรรษา จากวัดร้างจึงได้รับการบุกเบิกและพัฒนาจนเป็น “วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย” ที่เจริญรุ่งเรือง เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวชุมพร
หลวงปู่สงฆ์กล่าวถึงที่มาของชื่อวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ว่า ในอดีตเป็นวัดที่มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเคยมาบวชเป็นเจ้าอาวาสอยู่ จึงขึ้นต้นชื่อวัดว่า ‘เจ้าฟ้า’ เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าวัดเดิม ส่วนศาลาลอย ตั้งตามชื่อของหมู่บ้าน
นอกจากนี้ หลวงปู่มักพูดเสมอว่า “เจ้าวัดที่นี่ไม่ใช่เรา แต่เป็นปู่เจ้าฟ้า” ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการบวชนาค จะต้องนำนาคไปฝากตัวกับปู่เจ้าฟ้าก่อน จนเป็นประเพณีสืบมาถึงปัจจุบัน
มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2526 สิริอายุ 94 ปี 3 เดือน 2 วัน
แต่สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย ปัจจุบันบรรจุใส่โลงประดิษฐานบนศาลาธรรมสังเวช เพื่อให้กราบสักการบูชา
——-
#หลวงปู่สงฆ์ #วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย #ชุมพร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น