รำลึก 47 ปี มรณกาล หลวงปู่คำ ยสกุลปุตโต วัดศรีจำปาชนบท จ.สกลนคร
รำลึก 47 ปี มรณกาล “หลวงปู่คำ ยสกุลปุตโต” วัดศรีจำปาชนบท อ.พังโคน จ.สกลนคร
วันจันทร์ที่ 5 ส.ค.2567 น้อมรำลึกครบรอบ 47 ปี มรณกาล “หลวงปู่คำ ยสกุลปุตโต” วัดศรีจำปาชนบท อ.พังโคน จ.สกลนคร
เป็นพระสุปฏิปันโนที่มีความเคร่งครัดในหลักพระธรรมวินัย เรียบง่าย ปฏิบัติวิปัสสนาอย่างจริงจัง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา
อัตโนประวัติ เกิดในสกุล เดชภูมี เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2424 ที่บ้านบ้านโหล ต.ปลาโหล อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร บิดาชื่อขุนเดช ส่วนมารดาไม่ปรากฏนาม เป็นบุตรคนที่ 6 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน
ในวัยเยาว์ ท่านเป็นคนที่เฉลียวฉลาด มีสติปัญญาดี เมื่ออายุ 16 ปี บิดาเสียชีวิตลง โมารดาจึงให้บวชอุทิศส่วนกุศล และนำไปฝากไว้กับเจ้าอาวาสวัดบ้านปลาโหล วัดประจำหมู่บ้าน
มุ่งมั่นเอาใจใส่ในการศึกษาพระปริยัติธรรม สวดมนต์เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน หนังสือเทศน์จากสมุดข่อยใบลาน อักษรธรรม ภาษาขอม โดยใช้เรื่องปัญญาบารมีอุณหัสสวิชัย ทิพย์มนต์ และมหาชาติเวสสันดรชาดก
ครั้นอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดบ้านปลาโหล ต.ปลาโหล อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร
พ.ศ.2473 หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม และพระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล สองขุนพลแห่งกองทัพธรรม ศิษย์เอกของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายวิปัสสนากัมมัฏฐาน ออกจาริกธุดงค์ผ่านมาที่ป่าช้าบ้านปลาโหล (ปัจจุบันเป็นวัดป่ารัตนโสภณบ้านปลาโหล)
เมื่อได้เห็นข้อวัตรปฏิบัติของครูบาอาจารย์ทั้งสอง เกิดความเลื่อมใส จึงได้เข้าไปขอฝากตัวเป็นศิษย์
จากนั้นหลวงปู่สิงห์ได้นำเข้าพิธีญัตติ ที่วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสาสนูปกรณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูประสาทศาสนกิจ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ยสกุลปุตโต
จากนั้นได้เดินทางมาอยู่จำพรรษา ณ วัดศรีโพนทอง อ.เมือง จ.สกลนคร
ครั้นออกพรรษา เดินธุดงค์ไปภูลังกา ร่วมกับพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร และเดินทางเข้าไปอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร รวมทั้งได้จำพรรษาด้วย
ขณะจำพรรษาได้รับความเมตตาจากหลวงปู่มั่น ได้รับฟังธรรมะ อุบายธรรมในการปฏิบัติกัมมัฏฐาน
ครั้นได้ทราบแนวทางการปฏิบัติธรรม ข้อวัตรต่างๆ แล้ว จึงกราบลาออกเดินธุดงค์ไปตามเทือกเขาภูพาน
ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อหาความสงบวิเวกในการบำเพ็ญธรรม เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา
สำหรับครูบาอาจารย์ สหธรรมิกที่เคยร่วมเดินธุดงค์มีมากมายด้วยกัน อาทิ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดนิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย, หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย เป็นต้น
พ.ศ.2483 ขุนศรีปทุมวงศ์ เจ้าเมืองสกลนคร และนางหล้า ศรีปทุมวงศ์ ซึ่งเป็นน้องเขยและน้องสาว มีจิตศรัทธาอยากจะบริจาคที่ดินบ้านพังโคน ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร เพื่อสร้างวัด จึงได้พากันเดินทางไปกราบนมัสการ
พ.ศ.2483 หลวงปู่คำได้เริ่มก่อสร้างเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ต่อมาได้ขออนุญาตสร้างให้เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยตั้งชื่อ “วัดศรีจำปาชนบท”
อบรมสั่งสอนชาวบ้านในท้องถิ่นให้รู้จักศีลธรรม ดำเนินชีวิตตามหลักธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนา
สอนให้ชาวบ้านเลิกนับถือสิ่งที่ผิดๆ สอนให้นับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และให้สมาทานศีลห้า ศีลแปด ไหว้พระสวดมนต์ ก่อนหลับนอน อีกทั้งให้รักษาศีล ปฏิบัติธรรมภายในวัดทุกวันพระด้วย
วันที่ 5 ส.ค.2520 มรณภาพอย่างสงบ ด้วยโรคชรา ที่วัดศรีจำปาชนบท ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร สิริอายุ 96 ปี พรรษา 42
ต่อมาวันที่ 27 มี.ค.2542 คณะศิษยานุศิษย์ได้พร้อมใจก่อสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นที่บรรจุอัฐิธาตุ อัฐบริขาร รวมทั้งแสดงชีวประวัติปฏิปทาที่งดงาม
——-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น