รำลึก 12 ปี มรณกาล หลวงพ่อผอง ธัมมธีโร วัดพรหมยาม จ.เพชรบูรณ์

รำลึก 12 ปี มรณกาล หลวงพ่อผอง ธัมมธีโร วัดพรหมยาม จ.เพชรบูรณ์


 


วันเสาร์ที่ 7 ก.ย.2567 น้อมรำลึกครบรอบ 12 ปี มรณกาล “พระครูธีรพัชโรภาส” หรือ “หลวงพ่อผอง ธัมมธีโร” อดีตพระเกจิดังแห่งเมืองมะขามหวาน และเป็นศิษย์สืบสายธรรมรูปสุดท้ายของ หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ หรือ พระครูวิชิตพัชราจารย์ วัดพระพุทธบาทชนแดน พระเกจิชื่อดังเมืองเพชรบูรณ์

อดีตเจ้าอาวาสวัดพรหมยาม ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ และอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลสระประดู่ เริ่มจัดสร้างวัตถุมงคลต่างๆ ทั้งเนื้อว่าน รูปหล่อ เหรียญชนิดต่างๆ มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2535 เพื่อหาทุนสมทบก่อสร้างศาลาการเปรียญ ห้องสมุด และอุโบสถ

นามเดิมว่า ผอง อินทรผล เกิดเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2467 ที่บ้านหันน้อย ต.หนองมะเขือ อ.พล จ.ขอนแก่น

ช่วงวัยเยาว์ศึกษาเล่าเรียนและจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนบำรุงไทย 2 อ.พล แต่ด้วยใจที่ใฝ่ในธรรม เมื่ออายุครบ 20 ปีท่านได้รบเร้าให้บิดามารดาพาไปอุปสมบทที่วัดบ้านเรือ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น มี พระครูปฏิพัทธ์ธรรมคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์

อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเรือ โดยพระครูปฏิพัทธ์ธรรมคุณได้เมตตาสอนการวิปัสสนา กัมมัฏฐาน และทำสมาธิเจริญจิตตภาวนาให้ พร้อมกันนี้ท่านยังได้ศึกษาพระปริยัติธรรมไปด้วย จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท และสอบได้นักธรรมชั้นเอกในภายหลัง

ต่อมากราบลาพระครูปฏิพัทธ์ธรรมคุณเพื่อออกท่องธุดงค์แสวงหาความวิเวกตามเทือกเขาชัยภูมิไปจนถึงจ.พิจิตร

ทราบว่า หลวงพ่ออ้วน หรือ พระครูวิชาญพัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดสว่างเนตร ต.ดงขุย อ.ชนแดน เป็นพระเกจิที่เรืองวิทยาคม จึงเดินทางมาฝากตัวขอเป็นศิษย์ ซึ่งก็ไม่ขัดข้องได้ถ่ายทอดวิทยาคมให้ อีกทั้งหลวงพ่อผองได้รับใช้ตอบแทนคุณด้วยการเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมในวัดสว่างเนตรและวัดใกล้เคียง ช่วยกิจการด้านพระพุทธศาสนาเป็นเวลา 10 พรรษา

ก่อนไปอยู่จำพรรษากับหลวงพ่อทบที่วัดพระพุทธบาทเขาน้อย อ.ชนแดน เพื่อศึกษาพุทธาคมและวิปัสสนากัมมัฏฐาน ซึ่งหลวงพ่อทบยินดีถ่ายทอดสรรพวิชาให้

หลวงพ่อทบเน้นย้ำว่า “การจะปลุกเสกพระเครื่อง และเครื่องรางของขลังให้ศักดิ์สิทธิ์นั้น ใจจะต้องนิ่งสงบ ปราศจากกิเลส จิตจะต้องแข็งได้ฌาน จะปลุกเสกอะไรสิ่งนั้นก็จะดีไปทั้งหมด”

อุปัฏฐากหลวงพ่อทบ คอยช่วยเหลือกิจการคณะสงฆ์ จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอชนแดน ส่วนตัวท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมจนได้รับแต่งตั้งจากหลวงพ่อทบให้เป็นพระใบฎีกา และเป็นพระคู่สวด ขณะที่หลวงพ่อทบเป็นพระอุปัชฌาย์ในเขตพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์

เวลาผ่านไป 10 ปี กราบลาออกเดินท่องธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ จนมาถึงบ้านพรหมยาม ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี ซึ่งขณะนั้นเป็นพื้นที่ป่า เต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด

พ.ศ.2506 ร่วมกับชาวบ้านสร้างวัด จัดสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ เสนาสนะต่างๆ

แม้จะมีกุฏิที่ญาติโยมร่วมกันสร้างให้ แต่ยังคงอาศัยอยู่ในกุฏิไม้หลังเล็กที่ไม่มีสิ่งของอำนวยความสะดวกอย่างอื่น

เมื่อปี พ.ศ.2531 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลสามแยก และได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูธีรพัชโรภาส

วัตถุมงคลที่คณะศิษย์ได้จัดสร้างขึ้นในวาระต่างๆ ได้รับความนิยมสูง

ล่วงเข้าปัจฉิมวัย อาพาธบ่อยครั้ง สุดท้ายมรณภาพอย่างสงบเวลา 04.45 น. วันที่ 7 ก.ย.2555 ที่ห้องไอซียู ร.พ.เพชรบูรณ์

สิริอายุ 88 ปี พรรษา 68

ความคิดเห็น